เซ็นทรัลพัฒนา รุกแพลทฟอร์มใหม่ ลงทุนกว่า 5,000 ล้านบาท เปิดตัว ‘เซ็นทรัล วิลเลจ’ ลักชูรี่เอาท์เล็ต ชูไทยเป็นจุดหมายแห่งการช้อปปิ้งของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
นางสาววัลยา จิราธิวัฒน์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานพัฒนาธุรกิจและโครงการ บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ได้ลงทุนกว่า 5,000 ล้านบาท เปิดตัว ‘เซ็นทรัล วิลเลจ’ ซึ่งเป็นรูปแบบแฟลตฟอร์มใหม่นี้ ที่ยังไม่เคยมีมาก่อน ทั้งรูปแบบศูนย์การค้าครบวงจร และแบบลักชูรี่เอาท์เล็ต สอดคล้องกับนโยบายของภาครัฐ ที่จะสร้างให้ไทยเป็นจุดหมายปลายทางแห่งการท่องเที่ยวและช้อปปิ้ง ของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่สมบูรณ์แบบ โครงการดังกล่าว มีขนาด 40,000 ตารางเมตร บนที่ดิน 100 ไร่ ใกล้สนามบินสุวรรณภูมิ โดยเซ็นทรัล วิลเลจถือเป็น แบรนด์ใหม่ ของซีพีเอ็น ที่จะเปิดให้บริการไตรมาสที่ 3 ปี 2562
“สำหรับประเทศไทย เรามองเห็นศักยภาพของตลาดกลุ่มคนที่มีกำลังซื้อ ที่ชอบเดินทางต่างประเทศ ชอบช้อปแบรนด์ดังระดับโลก และเทรนด์การเติบโตของกลุ่มคนรักสินค้าแบรนด์เนม ซึ่งมีแนวโน้มสูงขึ้นในเอเชีย ผนวกกับความเชี่ยวชาญของซีพีเอ็นในการพัฒนาศูนย์การค้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งในลักษณะ outdoor mall ที่ประสบความสำเร็จ เช่น เซ็นทรัลเฟสติวัล อีสต์วิลล์ ที่มีพื้นที่สีเขียว ร่มรื่น เดินได้สะดวกสบาย ด้วยดีไซน์ในรูปแบบสถาปัตยกรรมในสไตล์ไทยโมเดิร์น ผสานความร่มรื่นของธรรมชาติกับการใช้พื้นที่เอาท์ดอร์ เพื่อการมาเยือนครั้งนี้ไม่ได้เป็นเพียงแค่การมาช้อปปิ้ง แต่ยังได้บรรยากาศการพักผ่อนพร้อมเพลิดเพลินกับการเซลฟี่มุมสวยๆ นอกจากนี้ เรายังได้บริษัทที่ปรึกษาเอาท์เล็ตระดับโลกมาช่วยพัฒนาโครงการนี้ ซึ่งมีประสบการณ์ความเชี่ยวชาญในการพัฒนาเอาท์เล็ตระดับโลกในประเทศต่างๆ อาทิ ญี่ปุ่น ไต้หวัน เป็นต้น”
ด้านนายปกรณ์ พรรธนะแพทย์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานปฏิบัติการ กล่าวว่า เซ็นทรัลวิลเลจ จะสร้างประสบการณ์การช้อปปิ้งลักชูรี่เอาท์เล็ต ที่แท้จริงของเมืองไทยให้เกิดขึ้นได้เป็นครั้งแรก ด้วยจุดเด่นแตกต่าง 4 ประการ ได้แก่ 1.คือ ความหลากหลายของลักชูรี่แบรนด์ ทั้งไทยและเทศระดับโลกกว่า 235 แบรนด์ ด้วยสินค้าหลากหลายทั้งแฟชั่น เครื่องใช้ไฟฟ้า เครื่องใช้ในครัว ของเล่น อุปกรณ์ตกแต่งบ้าน เสริมความครบครันด้วยลักชูรี่แบรนด์และสินค้าต่างๆ ของกลุ่มเซ็นทรัล เพื่อตอบสนองความต้องการคนทุกเพศทุกวัยทุกสัญชาติ 2. คือ ราคา ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญของการช้อปปิ้งลักชูรี่เอาท์เล็ต ด้วยส่วนลด 35-70% ที่มีทุกวัน ที่ถูกกว่า และไม่ต้องรอเทศกาลลดราคาหรือไปช้อปต่างประเทศ 3. คือ การให้บริการที่มุ่งเน้น Customer Centric มีบริการหลากหลายครบวงจรเทียบเท่าศูนย์การค้า รวมถึง facility ที่ครบครัน อาทิ ร้านอาหาร, จุดบริการนักท่องเที่ยว,playground, โรงแรม, และซูเปอร์มาร์เก็ต และ 4. คือ ทำเลที่ตั้ง ที่ใกล้สุวรรณภูมิ ซึ่งเป็นสนามบินที่ติดอันดับ 1 ที่มีจำนวนผู้โดยสารมากที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หรือกว่า 55 ล้านคนในปี2560 (*ข้อมูลจาก World Top Airports) และติด 1 ใน 10 อันดับของสนามบินที่มีจำนวนผู้โดยสารมากที่สุดในเอเชีย* และในปี 2563 คาดการณ์ว่า ส่วนขยายของสนามบินจะทำให้รองรับผู้โดยสารได้เป็น 60 ล้านคนต่อปี
“เรากำลังสร้าง New Shopping Platform ที่จะตอบโจทย์เทรนด์การเติบโตของกลุ่มคนรักสินค้าแบรนด์เนมมีแนวโน้มสูงขึ้น ในภูมิภาคเอเชีย ซึ่งเกิดจากกำลังซื้อที่เพิ่มสูงขึ้นของกลุ่ม Young Affluent ซึ่งเป็นเซ็กเมนต์ใหม่ที่กำลังเป็นที่จับตามองของแบรนด์เนมจากทั่วโลก โดยผู้บริโภคกลุ่มนี้มีอายุไม่มากนัก ประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็ว กลุ่มเป้าหมายนี้จะมีลักษณะเป็น นักช้อปที่ฉลาด (Smart Shopper) ชอบซื้อสินค้าที่มีคุณภาพคุ้มค่าคุ้มราคา (Quality Seeker) อีกทั้งต้องการมอบรางวัลให้ตนเอง (Self-rewarding) และแสดงสถานะของตนเองในสังคม (Status Hunter) นอกจากนี้ เราตั้งเป้าให้มีแบรนด์ไทย เพื่อส่งเสริมเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมแฟชั่นไทยในระดับนานาชาติ ทำให้ผู้บริโภคจากทั่วโลกได้ทดลองใช้แบรนด์ต่างๆ เพื่อให้ผู้บริโภค ‘From Like to Love’ เพื่อเปลี่ยนลูกค้ากลุ่มนี้เกิด Brand Loyalty ต่อแบรนด์ต่างๆ ได้ในอนาคตอีกด้วย”
“สำหรับกลุ่มเป้าหมายหลักนั้น เราจะแบ่งเป็นคนที่อาศัยอยู่ในประเทศไทยทั่วประเทศ รวม 65% และ กลุ่มนักท่องเที่ยว 35% โดยในปี 2560 มีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติมากถึง 35 ล้านคนมายังประเทศไทย ซึ่งกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวจีนที่เป็นกลุ่มหลักที่ชอบเดินทางท่องเที่ยว และมีการใช้จ่ายสูงระหว่างเดินทาง รวมถึงนักท่องเที่ยวใน AEC ที่เป็นกลุ่มที่เดินทางมาประเทศไทยเป็นอันดับต้นๆ โดยทำเลที่ตั้งใกล้สุวรรณภูมิที่สามารถเดินทางมาได้สะดวก ซึ่งจะเป็น A Must Visit Shopping Destination to complete your trip จุดเช็คอินที่นักท่องเที่ยวต้องแวะช้อปทุกครั้งก่อนเข้าเมืองหรือเดินทางกลับเข้าสนามบิน ตั้งเป้าว่าจะดึงดูดนักช้อปทั้งชาวไทยและต่างชาติให้มาใช้บริการกว่า 6 ล้านคนต่อปี เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจไทยให้เป็นหนึ่งในWorld Class Shopping Destination ของภูมิภาคนี้”