คู่มือชีวิตและการทำงาน

“มิสทิน”ลุยตลาดออนไลน์ พร้อมบุกตลาดจีน-อินโดนีเซีย

“มิสทิน”ลุยตลาดออนไลน์

พร้อมบุกตลาดจีน-อินโดนีเซีย

มิสทิน  เดินหน้าทำตลาดออนไลน์  เตรียมเปิดใช้แอพ “ยุพิน”  หวังยอดดาวน์โหลด 3.5 แสนราย  พร้อมเดินหน้าทำตลาดในต่างประเทศ  เจาะตลาดเมืองจีน หลังได้พันธมิตร  เตรียมทำยอดขายใน 3 ปี 3,000 ล้านบาท  และส่ง 50 สินค้าลุยตลาดในอินโดนีเซีย  ผ่านร้านค้ากว่า 2,300 แห่ง  มั่นใจปีนี้ทำยอดขายทะลุ 14,000 ล้านบาท

DSC_0119

นายดนัย ดีโรจนวงศ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เบทเตอร์เวย์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้จัดจำหน่ายสินค้าแบรนด์มิสทิน (Mistine) เปิดเผยว่า ได้เตรียมงบประมาณ 20 ล้านบาท  พัฒนาแอพพลิเคชั่นภายใต้ชื่อยุพิน (Yupin)  ซึ่งใช้ชื่อของสาวจำหน่ายมิสทินคนแรกของบริษัทมาตั้ง  โดยแอพพลิเคชั่นดังกล่าว  จะใช้เป็นช่องทางในการจัดจำหน่ายสินค้าให้กับสาวมิสทิน  การเลือกสินค้าในหมวดต่างๆ รวมถึงการเช็คค่าคอมมิชชั่น ตลอดจนการจัดโปรโมชั่นต่างๆ โดยเตรียมเปิดตัวในช่วงเดือนกรกฎาคมนี้

สำหรับแอพพลิเคชั่นดังกล่าว  จะช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในการผลิตแคตตาล็อก ที่ปัจจุบันผลิตอยู่ 2.4 แสนเล่มต่อเดือน  และเพิ่มประสิทธิภาพการขายสินค้าได้มากขึ้น  ซึ่งคาดว่าในปีแรกจะมีสาวมิสทินใช้งาน 3.5 แสนราย หรือคิดเป็นสัดส่วน 30% ของจำนวนสมาชิกทั้งหมด 1.2-1.3 ล้านคน และบริษัทยังเตรียมเปิดร้านจำหน่ายสินค้าของมิสทินในชื่อบิวตี้ ช็อป เพิ่มอีกด้วย โดยเน้นหาทำเลตามแหล่งท่องเที่ยวเป็นหลัก เพื่อเจาะกลุ่มลูกค้านักท่องเที่ยวจีนและจากประเทศอื่นได้ทางหนึ่ง คาดว่าจบปี 2559 จะมีสาขาเปิดให้บริการเป็น 7 สาขา จากปัจจุบันมีสาขารามคำแหง ,ศรีนครินทร์, ราชดำริ และจังซีลอน

ส่วนแผนขยายตลาดต่างประเทศ  บริษัทได้ร่วมทุนกับพันธมิตรที่เมืองเสิ่นเจิ้น  จัดตั้งบริษัท  เบทเตอร์เวย์ เสิ่นเจิ้น  จำกัด ด้วยทุนจดทะเบียน 100 ล้านบาท  มิสทินถือหุ้น 49%  เพื่อทำตลาดในเดือนพฤศจิกายนปีนี้ ใน  3 เมืองหลักได้แก่ เสิ่นเจิ้น กวางเจา และเซี่ยงไฮ้  โดยจำหน่ายสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์  และวางจำหน่ายในร้านสุขภาพและความงาม

“แบรนด์มิสทินเป็นที่นิยมอย่างมากในจีน อย่างในปีนี้สินค้าหลายรายการขาดตลาด เพราะมีลูกค้าจากจีนมาเหมาสินค้าไปขาย ยกตัวอย่างสินค้าที่ขายดีมากในจีนคือมาสคาร่า และกลุ่มคอสเมติคส์ ที่ส่งผลให้ยอดขายในตลาดต่างประเทศสูงถึง 1,400 ล้านบาทในปีที่ผ่านมา ถือเป็นยอดขายที่สูงที่สุดตั้งแต่เปิดทำธุรกิจ แค่เฉพาะประเทศจีนเพียงแห่งเดียว รับรายได้สูงถึง 1,000 ล้านบาทหรือเติบโต 20% และคาดว่าอีก 3 ปีรายได้จากจีนจะเพิ่มเป็น 3,000 ล้านบาท”

นอกจากนี้  บริษัทเตรียมแผนเปิดตลาดที่ประเทศอินโดนีเซียภายปลายปีนี้   หลังได้แต่งตั้งตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ  ซึ่งพันธมิตรมีร้านจำหน่ายสินค้าในลักษณะร้านสุขภาพและความงามกว่า 2,300 แห่ง  เบื้องต้นจะนำสินค้ามิสทินไปจำหน่ายรวม 50 รายการ

สำหรับภาพรวมบริษัทในช่วง 5 เดือนแรกของปี เติบโตประมาณ 1% จากสภาวะเศรษฐกิจโดยรวมที่ยังชะลอตัว ผนวกกับปัญหาภัยแล้งในปีนี้ ที่ส่งผลต่อกำลังซื้อของผู้บริโภคในภาคอีสาน ที่ยอดขายลดลง 10% และภาคใต้ลดลง 5% ขณะที่ภาพรวมยอดขายลดลง 6% และคาดว่าในช่วงไตรมาสที่ 3 และ 4 ของปีนี้ภาพรวมของบริษัทจะเริ่มดีขึ้น เนื่องจากช่วงเวลาดังกล่าวเป็นช่วงฤดูกาลขาย อีกทั้งยังเป็นช่วงท้ายปีอีกด้วย และในสิ้นปีนี้บริษัทตั้งเป้ายอดขายทั้งปีที่ 14,000 ล้านบาท จากปีก่อนที่ปิดยอดขายไปได้ 13,000 ล้านบาท แบ่งสัดส่วนเป็นตลาดต่างประเทศ 20% และในประเทศ 80%