บิวตี้ลุยแผนธุรกิจครึ่งปีหลังสร้างการเติบโต 20%
BEAUTY เปิดสำนักงานใหม่ ทุ่มงบ 170 ล้านบาท สร้างศูนย์ฝึกอบรมพนักงาน หอพัก ศูนย์ดิจิตอล มัลติมีเดีย คลังสินค้า เพิ่มศักยภาพการบริหารจัดการภายใน รองรับการขยายธุรกิจในอนาคต เผยแผนการตลาดครึ่งปีหลัง ชูกลยุทธ์ดิจิตอล มาร์เก็ตติ้ง เจาะกลุ่มลูกค้า พร้อมเน้นพัฒนาบุคลากรรอบด้าน ลุยขยายช่องทางจำหน่ายทุกรูปแบบ มั่นใจทั้งปีหนุนรายได้เติบโตไม่ต่ำกว่า 20%
นายแพทย์สุวิน ไกรภูเบศ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บิวตี้ คอมมูนิตี้ จำกัด (มหาชน) (BEAUTY) ผู้ดำเนินธุรกิจจำหน่ายปลีกผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางและบำรุงผิว เปิดเผยว่า บริษัทได้ดำเนินการขยายพื้นที่สร้างอาคารสำนักงานแห่งใหม่ เพื่อเพิ่มศักยภาพการบริหารจัดการภายในรองรับการขยายธุรกิจในอนาคต โดยได้เริ่มเปิดใช้อย่างเป็นทางการเมื่อเดือน มิถุนายน 2559 ที่ผ่านมา
ทั้งนี้ การก่อสร้างอาคารสำนักงานใหม่ภายใต้ชื่ออาคาร BEAUTY 2 ภายในอาคารประกอบด้วย สำนักงานและศูนย์ฝึกอบรมพนักงาน หอพักพนักงาน ห้องสาธิตการแต่งหน้า ศูนย์ดิจิตอล มัลติมีเดีย และคลังสินค้า เพื่อเป็นศูนย์กลางการศึกษาเรียนรู้ และเป็นแหล่งศูนย์รวมของการพัฒนาบุคลากรทุกระดับในทุกๆด้าน โดยอาคาร BEAUTY 2 มีทั้งหมด 3 อาคารบนพื้นที่กว่า 3 ไร่ รวมพื้นที่ใช้สอยทั้งหมด 8,152 ตารางเมตร งบประมาณในการก่อสร้าง 170 ล้านบาท โดยนำเงินที่ได้จากการระดมทุน IPO มาใช้ในการก่อสร้าง
สำหรับงบลงทุนปีนี้ ได้ตั้งงบประมาณไว้ที่ 190 ล้านบาท แบ่งเป็นการลงทุนเปิดสาขาใหม่ 100-110 ล้านบาท และใช้ในโครงสร้างพื้นฐานสำหรับการเติบโตในอนาคต 70-80 ล้านบาท (จ่ายส่วนที่เหลือจากปีที่แล้ว) พร้อมทั้งนำไปพัฒนาและสร้างแนวความคิดผลิตภัณฑ์ใหม่ รวมไปถึงพัฒนาช่องทางอีคอมเมิร์ซ ในการจัดจำหน่ายสินค้าเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างทั่วถึง
“ทิศทางการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีหลัง BEAUTY ยังคงมีความมุ่งมั่นและเน้นไปที่การพัฒนาศักยภาพบุคลากรให้มีคุณภาพทั้งด้านการขายและการบริการ พร้อมทั้งรักษามาตรฐานของสินค้าให้ดีมีคุณภาพอยู่เสมอ รวมทั้งปรับปรุงระบบ IT และ CRM เพื่อเพิ่มยอดขายของร้าน BEAUTY BUFFET BEAUTY COTTAGE และ BEAUTY MARKET สาขาเดิมให้มีการปรับตัวเพิ่มขึ้น รวมถึงขยายสาขาให้ครอบคลุมให้ได้ตามเป้าหมาย เพื่อผลักดันให้ทุกแบรนด์มีการเติบโตอย่างมั่นคงยั่งยืน” นายแพทย์สุวิน กล่าว
ขณะเดียวกัน บริษัทยังได้ดำเนินการขยายช่องทางจำหน่ายผ่าน Modern Trade, Traditional Trade และเน้นการตลาดผ่านช่องทางออนไลน์เต็มรูปแบบ ทั้งในแง่ของการแนะนำผลิตภัณฑ์และช่องทางการจำหน่าย เพื่อตอบสนองพฤติกรรมของผู้บริโภคที่มีการเปลี่ยนแปลงไปค่อนข้างมาก มีการใช้ช่องทางออนไลน์ในการเลือกซื้อสินค้าทุกประเภทมากขึ้น ซึ่งในช่วงที่ผ่านมา BEAUTY ได้จำหน่ายผลิตภัณฑ์ของแบรนด์ต่างๆ ผ่านทาง Facebook และเว็บไซต์ต่างๆ พบว่ามีกระแสตอบรับดีเป็นอย่างมาก ดังนั้นในปีนี้บริษัทจึงวางเป้าหมายที่จะรุกตลาดออนไลน์อย่างต่อเนื่อง คาดว่าจะเป็นอีกหนึ่งช่องทางที่มีรายได้เติบโตก้าวกระโดด
นอกจากนี้ บริษัทจะเน้นการใช้กลยุทธ์การตลาดและการสร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น ผ่านช่องทาง Digital Maketing โดยจัดทำ Content วีดีโอคลิป และโปรโมชั่นต่างๆผ่านช่องทางสื่อดิจิตอล มีเดียและโซเชียล มีเดีย เพื่อสื่อสารกับกลุ่มเป้าหมายให้เกิดพฤติกรรมการชักชวนเพื่อน และกระตุ้นการตัดสินใจซื้อมากขึ้น
นายแพทย์สุวิน กล่าวต่อไปว่า ในปีนี้บริษัทมั่นใจว่าสามารถสร้างการเติบโตของรายได้ไม่ต่ำกว่า 2.1 พันล้านบาท เติบโตอย่างน้อย 20% จากปีก่อน และรักษาอัตรากำไรสุทธิไว้ที่ระดับไม่ต่ำกว่า 20% ของรายได้รวม ตามเป้าหมายที่วางไว้อย่างแน่นอน และมีแผนการขยายสาขาในประเทศของ SHOP BRAND ต่างๆออกไปตามเป้าหมายด้วยเช่นกัน โดยตั้งเป้าปีนี้ BEAUTY BUFFET เปิดเพิ่ม 30 สาขา ส่งผลให้มีสาขารวม 257 สาขา โดยปัจจุบันมี 241 สาขา และ BEAUTY COTTAGE เปิดสาขาเพิ่ม 15 สาขา ส่งผลให้มีสาขารวม 85 สาขา โดยปัจจุบันมี 71 สาขา
อีกทั้งสาขาในต่างประเทศ ตั้งเป้าขยายเพิ่มอีก 11 สาขา จากปัจจุบันมี 39 สาขา กระจายอยู่ในเวียดนาม 28 สาขา กัมพูชา 7 สาขา ลาว 2 สาขา และพม่า 2 สาขาซึ่งการขยายสาขาต่างประเทศจะเป็นการแต่งตั้งตัวแทนจำหน่าย นอกจากนี้บริษัทอยู่ระหว่างการเจรจากับพันธมิตร ร้านค้าปลีกเครื่องสำอางรายใหญ่ มีจำนวนสาขากว่า 86 สาขา ในประเทศฮ่องกง และ 16 สาขาในประเทศไต้หวัน เพื่อเซ็นสัญญาแต่งตั้งเป็นตัวแทนจำหน่าย คาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในไตรมาส 4 ปีนี้