เซ็นทรัลพัฒนา รุกแพลทฟอร์มใหม่ ลงทุนกว่า 5,000 ล้านบาท เปิดตัว ‘เซ็นทรัล วิลเลจ’ ลักชูรี่เอาท์เล็ต ชูไทยเป็นจุดหมายแห่งการช้อปปิ้งของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
“สำหรับประเทศไทย เรามองเห็นศักยภาพของตลาดกลุ่มคนที่มีกำลังซื้อ ที่ชอบเดินทางต่างประเทศ ชอบช้อปแบรนด์ดังระดับโลก และเทรนด์การเติบโตของกลุ่มคนรักสินค้าแบรนด์เนม ซึ่งมีแนวโน้มสูงขึ้นในเอเชีย ผนวกกับความเชี่ยวชาญของซีพีเอ็นในการพัฒนาศูนย์การค้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งในลักษณะ outdoor mall ที่ประสบความสำเร็จ เช่น เซ็นทรัลเฟสติวัล อีสต์วิลล์ ที่มีพื้นที่สีเขียว ร่มรื่น เดินได้สะดวกสบาย ด้วยดีไซน์ในรูปแบบสถาปัตยกรรมในสไตล์ไทยโมเดิร์น ผสานความร่มรื่นของธรรมชาติกับการใช้พื้นที่เอาท์ดอร์ เพื่อการมาเยือนครั้งนี้ไม่ได้เป็นเพียงแค่การมาช้อปปิ้ง แต่ยังได้บรรยากาศการพักผ่อนพร้อมเพลิดเพลินกับการเซลฟี่มุมสวยๆ นอกจากนี้ เรายังได้บริษัทที่ปรึกษาเอาท์เล็ตระดับโลกมาช่วยพัฒนาโครงการนี้ ซึ่งมีประสบการณ์ความเชี่ยวชาญในการพัฒนาเอาท์เล็ตระดับโลกในประเทศต่างๆ อาทิ ญี่ปุ่น ไต้หวัน เป็นต้น”
ด้านนายปกรณ์ พรรธนะแพทย์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานปฏิบัติการ กล่าวว่า เซ็นทรัลวิลเลจ จะสร้างประสบการณ์การช้อปปิ้งลักชูรี่เอาท์เล็ต ที่แท้จริงของเมืองไทยให้เกิดขึ้นได้เป็นครั้งแรก ด้วยจุดเด่นแตกต่าง 4 ประการ ได้แก่ 1.คือ ความหลากหลายของลักชูรี่แบรนด์ ทั้งไทยและเทศระดับโลกกว่า 235 แบรนด์ ด้วยสินค้าหลากหลายทั้งแฟชั่น เครื่องใช้ไฟฟ้า เครื่องใช้ในครัว ของเล่น อุปกรณ์ตกแต่งบ้าน เสริมความครบครันด้วยลักชูรี่แบรนด์และสินค้าต่างๆ ของกลุ่มเซ็นทรัล เพื่อตอบสนองความต้องการคนทุกเพศทุกวัยทุกสัญชาติ 2. คือ ราคา ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญของการช้อปปิ้งลักชูรี่เอาท์เล็ต ด้วยส่วนลด 35-70% ที่มีทุกวัน ที่ถูกกว่า และไม่ต้องรอเทศกาลลดราคาหรือไปช้อปต่างประเทศ 3. คือ การให้บริการที่มุ่งเน้น Customer Centric มีบริการหลากหลายครบวงจรเทียบเท่าศูนย์การค้า รวมถึง facility ที่ครบครัน อาทิ ร้านอาหาร, จุดบริการนักท่องเที่ยว,playground, โรงแรม, และซูเปอร์มาร์เก็ต และ 4. คือ ทำเลที่ตั้ง ที่ใกล้สุวรรณภูมิ ซึ่งเป็นสนามบินที่ติดอันดับ 1 ที่มีจำนวนผู้โดยสารมากที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หรือกว่า 55 ล้านคนในปี2560 (*ข้อมูลจาก World Top Airports) และติด 1 ใน 10 อันดับของสนามบินที่มีจำนวนผู้โดยสารมากที่สุดในเอเชีย* และในปี 2563 คาดการณ์ว่า ส่วนขยายของสนามบินจะทำให้รองรับผู้โดยสารได้เป็น 60 ล้านคนต่อปี
“เรากำลังสร้าง New Shopping Platform ที่จะตอบโจทย์เทรนด์การเติบโตของกลุ่มคนรักสินค้าแบรนด์เนมมีแนวโน้มสูงขึ้น ในภูมิภาคเอเชีย ซึ่งเกิดจากกำลังซื้อที่เพิ่มสูงขึ้นของกลุ่ม Young Affluent ซึ่งเป็นเซ็กเมนต์ใหม่ที่กำลังเป็นที่จับตามองของแบรนด์เนมจากทั่วโลก โดยผู้บริโภคกลุ่มนี้มีอายุไม่มากนัก ประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็ว กลุ่มเป้าหมายนี้จะมีลักษณะเป็น นักช้อปที่ฉลาด (Smart Shopper) ชอบซื้อสินค้าที่มีคุณภาพคุ้มค่าคุ้มราคา (Quality Seeker) อีกทั้งต้องการมอบรางวัลให้ตนเอง (Self-rewarding) และแสดงสถานะของตนเองในสังคม (Status Hunter) นอกจากนี้ เราตั้งเป้าให้มีแบรนด์ไทย เพื่อส่งเสริมเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมแฟชั่นไทยในระดับนานาชาติ ทำให้ผู้บริโภคจากทั่วโลกได้ทดลองใช้แบรนด์ต่างๆ เพื่อให้ผู้บริโภค ‘From Like to Love’ เพื่อเปลี่ยนลูกค้ากลุ่มนี้เกิด Brand Loyalty ต่อแบรนด์ต่างๆ ได้ในอนาคตอีกด้วย”