นายแพทย์วิทิต อรรถเวชกุล ผู้อำนวยการโรงพยาบาลปิยะเวท เปิดเผยถึงแผนการดำเนินธุรกิจในปี 2560 ว่า ได้เตรียมลงทุนขยายการให้บริการในต่างประเทศ ในรูปแบบศูนย์ข้อมูลข่าวสาร (Information Center) หรือ ศูนย์แนะนำและให้ข้อมูลกับผู้ป่วยต่างชาติ และโพลีคลินิคอีก 1-2 แห่ง ซึ่งได้เตรียมงบประมาณการลงทุนไว้ไม่ต่ำกว่า 50 ล้านบาท เพื่อร่วมทุนกับพันธมิตรในต่างประเทศ ที่ขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษาความเป็นได้ โดยคาดว่าจะมีความชัดเจนได้ในไตรมาสที่ 3-4 ของปีนี้ ส่วนที่มีความชัดเจนแล้วคือการเปิดให้บริการที่ประเทศจีนในเดือนหน้า โดยช่วงที่ผ่านมาทางโรงพยาบาลได้ลงทุนเปิดศูนย์ข้อมูลข่าวสารที่ย่างกุ้ง ประเทศเมียนมา ซึ่งใช้งบลงทุนกว่า 10 ล้านบาท และเปิดโพลีคลินิคและศูนย์กายภาพบำบัดครบวงจร ที่ประเทศโอมาน ที่ใช้งบลงทุนกว่า 30 ล้านบาท ซึ่งก่อนหน้านี้ยังได้ลงทุนที่ประเทศเอธิโอเปียอีกด้วย
ด้านแผนการดำเนินธุรกิจภายในประเทศ ได้ใช้งบลงทุน 100 ล้านบาท เปิดให้บริการศูนย์การแพทย์เพิ่มอีก 4 ศูนย์ ได้แก่ 1. ศูนย์การบริการผู้ป่วยต่างชาติ 2. ศูนย์ทารกแรกเกิดและปริกำเนิด 3. ศูนย์รักษาแผลที่เท้าจากโรคเบาหวาน และ 4. ศูนย์เวชศาสตร์การเจริญพันธุ์ ซึ่งทั้ง 4 ศูนย์คาดว่าจะมีผู้ใช้บริการ 30-40% ของผู้ใช้บริการทั้งหมด พร้อกกับปรับปรุงอาคารและขยายเตียงเพิ่มอีก 50 เตียง จากปัจจุบันมี 150 เตียง ทำให้ภายในสิ้นปีนี้จะมีจำนวนเตียงรวม 200 เตียง
นายแพทย์วิทิต กล่าวอีกว่า การขยายการลงทุนต่างๆ ในปีนี้ คาดว่าจะส่งผลให้ผลการดำเนินงานของโรงพยาบาลเติบโต 20% หรือมีรายได้ 1,640 ล้านบาท จากปีที่ผ่านมาที่รายได้ 1,300 ล้านบาท เติบโตในอัตรา 10% จากปีก่อนหน้า ซึ่งปัจจุบันสัดส่วนผู้เข้ามาใช้บริการเป็นคนไทยและต่างชาติในสัดส่วนที่ใกล้เคียงกัน โดยชาวต่างชาติที่เข้ามาใช้บริการมากที่สุด ได้แก่ กลุ่มประเทศตะวันออกกลาง กลุ่มประเทศซีแอลเอ็มวี และจีน กลุ่มประเทศสแกนดิเนวีย
นอกจากนี้ เครือโรงพยาบาลบางประกอก ซึ่งบริหารงานโรงพยาบาลปิยะเวท หลังจากกลุ่มกระทิงแดงได้ขายหุ้นของโรงพยาบาลปิยะเวท ให้กับเครือโรงพยาบาลบางประกอกในปีที่ผ่านมา ยังมีแผนเปิดศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ ที่จังหวัดเชียงใหม่และภูเก็ต เพื่อรองรรับตลาดผู้สูงอายุในอนาคต ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้ ที่คาดว่าจะมีความชัดเจนในปีหน้า และคาดว่าจะลงทุนเปิดให้บริการแห่งแรกที่จังหวัดเชียงใหม่ โดยคาดว่าจะใช้งบลงทุนเบื้องต้นคาดว่าจะใช้ไม่ต่ำกว่า 200-300 ล้านบาท บนเนื้อที่โครงการไม่ต่ำกว่า 10 ไร่ใกล้กับที่ตั้งโรงพยาบาล